เกมผ่านไป 6 นาที มาร์กอส อลอนโซ่ ใส่สกอร์ให้ บาร์เซโลน่า ออกนำ 1-0 แล้วสกอร์ขยับเป็น 2-0 ในนาที 44 จากจังหวะที่ ฆอร์ดี้ อัลบา แอสซิสต์ให้ เฟร์ราน ตอร์เรส จบสกอร์ แล้วจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-0ครึ่งหลังนาที 51 เพลเซ่น กลับสู่เกมเป็น 1-2 จากการยิงจุดโทษของ โทมัส ชอร์รี่ ทว่าอีก 3 นาทีให้หลัง ราฟินญ่า จ่ายให้ เฟร์ราน ตอร์เรส บวกประตูที่ 2 ของตัวเอง ส่งให้ บาร์เซโลน่า ขยับหนีเป็น 3-1

เข้าสู่นาที 63 เพลเซ่น ยังไม่ยอม กลับสู่เกมเป็น 2-3 จากจังหวะที่ อดัม เวลคาโนว่า จ่ายให้ โทมัส ชอร์รี่ จบสกอร์ แต่ผ่านไปถึงนาที 75 บาร์เซโลน่า ก็ขยับหนีเป็น 4-2 จากจังหวะที่ ราฟินญ่า จ่ายให้ พาโบล ตอร์เรส จบสกอร์เข้าไป แล้วจบ 90 นาทีด้วยสกอร์นี้ไปเลย แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ บาร์เซโลน่า เข้ารอบบาร์เซโลน่า ได้ที่ 3 ไปยูโรป้าลีก เพลเซ่น แพ้ 6 นัดรวด จบบ๊วย

หลังผ่าน 6 นัด บาร์เซโลน่า เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3) ได้อันดับสามกลุ่ม C หล่นลงไปเล่นฟุตบอลยูโรป้าลีกรอบเพลย์ออฟ โดยที่กลุ่มนี้ บาเยิร์น มิวนิค (18 คะแนน) กับ อินเตอร์ มิลาน (10 คะแนน) กอดคอกันเข้ารอบน็อคเอาท์ทางฝั่งเพลเซ่น หลังผ่าน 6 นัด พวกเขาไม่ได้สักแต้ม โดยโปรแกรมนัดต่อไป ลูกทีมของ มิชาล บิเล็ค มีคิวกลับไปเล่นฟุตบอลเช็กลีก พบกับ ปราก ในวันที่ 5พฤศจิกายน

แมนออฟเดอะแมตช์ โทมัส ชอร์รี่ แนวรุกเพลเซ่นเกมนี้ วิคตอเรีย เพลเซ่น ครองบอล 23% จ่ายบอล 206 ครั้ง โอกาสยิง 22 ครั้ง โดยที่ โทมัส ชอร์รี่ เจ้าของ 2 สกอร์ โอกาสยิง 5 ชนะลูกโด่ง 5 ครั้ง ผลงานดีที่สุดในสนาม (8.6 คะแนน) ตามด้วย ลูคัส คัลวัช สร้างโอกาส 4 แท็คเกิล 3 ตัดบอล 2 ครั้ง (6.9 คะแนน)

ทางฝั่งบาร์เซโลน่า ครองบอล 77% จ่ายบอล 752 ครั้ง โอกาสยิง 11 ครั้ง โดยที่ เฟร์ราน ตอร์เรส เจ้าของ 2 สกอร์ โอกาสยิง 3 สร้างโอกาส 2 ครั้ง ผลงานดีที่สุดในทีม (8.5 คะแนน) ตามด้วย ราฟินญ่า เจ้าของ 2 แอสซิสต์ สร้างโอกาส 3 โอกาสยิง 1 ครั้ง (8.1 คะแนน) และ มาร์กอส อลอนโซ่ เจ้าของสกอร์ 1-0 เคลียร์ 5 จ่ายบอลสำเร็จ 134/141 ครั้ง (8.1 คะแนน)